ถ้าพูดถึงเที่ยวเกาะชมทะเลคงมีให้เลือกหลากหลายที่กันเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้เราจะพาไปสัมผัสความงดงามกันที่เกาะช้างจังหวัดตราด ปลายแหลมสุดของดินแดนสยามที่มีเรื่องราวของเหล่าทหารเรืออยู่ที่นั่น
เกาะช้างเป็นเกาะขนาดใหญ่อันดับหนึ่งในอ่าวไทย ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไปที่นั่นอยู่ที่ 4 – 5 ชั่วโมง แล้วแต่ฝีเท้าของคนขับและการจราจรบนท้องถนน เมื่อมาถึงที่นี่จะมีท่าเรือให้เลือกใช้บริการข้ามไปยังเกาะอยู่สามท่าด้วยกัน ซึ่งในที่นี่จะขอใช้บริการท่าเรืออ่าวธรรมชาติ ด้วยเป็นท่าเรือที่ใช้เวลาข้ามไปยังเกาะแค่ 30 นาทีเท่านั้น ทำการเปิดเดินเรือตั้งแต่ 6.30 น. – 19.00 น. เรือออกทุกๆ 45 นาที แถมยังมีบริการเอารถข้ามไปเกาะด้วยได้ และจุดแรกที่มาขึ้นคือท่าเรืออ่าวสับปะรด สำหรับคนเอารถมาเองหรือจะหาเช่าบนเกาะก็ทำให้เดินทางได้สะดวกกว่าหน่อย แต่หากขับรถไม่แกร่งจริงแล้วขอแนะนำให้ใช้บริการรถสองแถวบนเกาะดีกว่า เพราะเส้นทางบนเกาะช้างค่อนข้างโหดเอาเรื่อง บางจุดลาดชันและบางที่ก็เป็นโค้งหักศอกจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด กลับมาที่จุดสตาร์ทของเราอีกครั้ง ที่อ่าวสับปะรดนี้เป็นอ่าวน้ำลึกไม่มีชายหาดให้ลงเล่นน้ำ ที่นี่จึงเป็นจุดจอดเรือและยังมีเรือรับจ้างไปส่งยังหาดต่างๆ รวมถึงบรรดาร้านค้าร้านอาหารก็มีอยู่มาก ขับรถไล่ไปทางซีกตะวันตกของเกาะซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมที่จะเที่ยวซีกนี้มากกว่า ด้วยมีชายหาดให้ลงเล่นน้ำได้ ซึ่งแต่ละหาดก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างเฉพาะตัวกันไป อย่างหาดทรายขาว แค่ชื่อก็บอกเราแล้วว่าหาดนั้นเป็นแบบไหน ที่นี่เป็นหาดที่ค่อนข้างพลุกพล่านและเป็นหาดขนาดใหญ่ ทั้งร้านค้าและรีสอร์ทมีให้เลือกกันมากจนต้องหาข้อมูลกันให้ดีๆ เพื่อจะให้ได้ที่พักผ่อนที่ถูกใจเราที่สุด ถัดไปก็เป็นหาดคลองพร้าว ซึ่งก็เป็นหาดที่มีนักท่องเที่ยวอยู่มากเช่นกัน แถมยังมีน้ำตกอย่างน้ำตกคลองพู ที่มีบริการเช่าช้างเดินป่าเที่ยวเกาะซึ่งจะพาไปหยุดพักเล่นน้ำตกสวยอีกด้วย เดินเที่ยวชิมช้อปกันให้หนำใจก่อนจะกะเวลาให้ดีๆ เพื่อไปชมจุดไฮไลท์ยามเย็นของเกาะช้าง นั่นคือแหลมไชยเชษฐ์ที่มีวิวชมพระอาทิตย์ตกลงในทะเลที่สวยที่สุดในที่แห่งนี้กันเลย
ได้ชื่นชมความงามของดวงอาทิตย์ที่ตกลงไปยังท้องทะเล แล้วก็ขับรถต่อเพื่อมุ่งไปที่พักที่อ่าวใบลานกับรีสอร์ท หรูระดับสี่ดาวอย่างเมอร์เคียว เกาะช้าง รีสอร์ทสไตล์โมเดิร์นแต่ผสานกับธรรมชาติได้ลงตัว แต่ก่อนที่เราจะไปถึงเมอร์เคียว เกาะช้างเรายังต้องผ่านหาดไก่แบ้ซึ่งเป็นหาดที่สามารถมองเห็นเกาะจระเข้ หรือจะพายเรือคายัคไปเที่ยวชมเกาะมันได้อีกด้วย และอีกหนึ่งหาดที่เราจะต้องผ่านนั่นก็คือ หาดท่าน้ำหรือโลนลี่ บีชเป็นอีกหนึ่งหาดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ ผู้คนไม่มากเหมือนๆ กับอ่าวใบลานที่กำลังจะไปเลยทีเดียว แต่ที่อ่าวใบลานชายหาดมักจะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของทางรีสอร์ทด้วย จึงไม่เหมาะกับขาจรที่จะลงไปเล่นน้ำ แต่ถ้าใครชอบความเป็นส่วนตัวบอกเลยว่าต้องมาที่หาดนี้เท่านั้น พอมาถึงเมอร์เคียว เกาะช้างก็เย็นมากแล้ว เดินไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินกันก่อนแล้วค่อยลงมากินมื้อเย็นที่ร้านอาหารที่มีขายอยู่ในเมอร์เคียว เกาะช้างด้วยเลย กินข้าวเสร็จเดินเล่นชมบรรยากาศถ่ายรูปอัพโซเชียลกันได้ทุกที่ของรีสอร์ทด้วยไวฟายมีให้บริการไม่ใช่แค่ในที่พักเท่านั้น ตื่นเช้ามาชมความงามของท้องทะเลที่ซัดน้ำใสกระทบกับหาดทรายผสมหินปะการัง เสร็จแล้วไปซื้อฝากกันที่หมู่บ้านชาวประมงอ่าวบางเบ้าที่อยู่ถัดไปจากอ่าวใบลาน บอกเลยว่าของที่นี่ราคาถูกมาก
พักผ่อนเต็มอิ่มกับบรรยากาศสบายๆ ตั้งแต่ขึ้นท่าจนจบลงที่พักอย่างเมอร์เคียว เกาะช้าง ขอแอบกระซิบอีกนิดว่าที่นี่มีบริการที่หลากหลายทั้งสปาและฟิตเนส แถมยังมีบริการอื่นๆ อีกมากไว้ให้ลอง นี่จึงเป็นอีกที่ที่ได้ผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง